ลิเวอร์พูล กับการชำระแค้น เรอัล มาดริด ในสนามแอนฟิลด์
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเอาชนะ เรอัล มาดริด มาเกือบ 14 ปี เข้าให้แล้ว โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาสามารถลงทัณฑ์คู่ปรับร่วมเวทียุโรปรายนี้ลง ต้องย้อนไปวันที่ 10 มีนาคม ปี 2009 เลยล่ะ
ซึ่งในซีซั่น 2013/14 ที่เกิดเหตุการณ์ “ลื่นบรรลือโลก” ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในยุคของ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส พวกเขาไต่เต้าทำผลงานได้ดีที่สุดในลีก จบอันดับที่ 2 คว้าตั๋วไปลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ซีซั่นถัดมาได้สำเร็จ และมันคือการพบกันครั้งแรกในรอบ 5 ปี กับ ‘ราชันชุดขาว’ ตอนรอบแบ่งกลุ่ม
จากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศ ปี 2018 และ ปี 2021 ผลสกอร์ก็เหมือนเดิม คือ 3-1 และ 1-0 เป็นการเน้นย้ำว่า “ยังเร็วไปนะไอ้น้อง” ตอกหน้า โม ซาล่าห์ ที่พูดทำทีว่าเก็บความแค้นไว้มานาน ให้หน้าชาไปตามๆกัน เป็นบอลแพ้ทางที่แข่งด้วยอย่างไรก็ไม่ชนะสักที
แม้พวกเขาจะเพิ่งขุนฟอร์มการเล่น ด้วยการบุกไปชนะ นิวคาสเซิ่ล 0-2 แต่นั่นไม่ได้ทำให้ ‘พวกพรี่ๆ’ วางใจได้เลย เพราะขุมกำลังคู่แข่งมันคนละเรื่องกัน เทียบง่ายๆนะครับ เรอัล มาดริด เพิ่งตบ อัล ฮิลัล ไป 5-3 จากการเบิ้ลของดาวยิงสุดฮอต วินิซิอุส จูเนียร์ และ เฟเดรริโก้ บัลเบร์เด้ คว้าแชมป์สโมสรโลก กระทืบบาทาเป็นทีมฟุตบอลที่เก่งที่สุดของเมืองมนุษย์ในปี 2023
ล่าสุด ลูก้า โมดริช เพิ่งออกมาไซโค ‘หงส์แดง’ ให้จิตตกเล่นๆว่า พวกเขาพร้อมรับศึกนองเลือดแค้นคืนนี้แล้ว มีเท่าไรใส่มาให้หมด…ผมว่างานนี้ยากที่จะมีตอนอวสานอีกแบบ.
เขียนโดย What The Fluke
The Lite Team.